เสื้อผ้าแฟชั่นตามความหมายที่ใช้โดยทั่วไปแล้วคือเสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมในหมู่คนที่รักการแต่งตัวโดยทั่วไปหรือที่เรียกกันว่าเสื้อผ้ายอดนิยมนั่นเอง ลักษณะทั่วๆไปของเสื้อผ้าแฟชั่นคือสอดคล้องกับกระแสความนิยมเรื่องเสื้อผ้าที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในส่วนของเครื่องแต่งกายอย่างเสื้อ กางเกง กระโปรง และเครื่องแต่งตัวประกอบอย่างผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เข็มขัด รองเท้า หรือแว่นตาเป็นต้น กล่าวคือสินค้าพวกนี้จะเป็นสินค้าแฟชั่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าความนิยมในหมู่คนส่วนใหญ่เป็นเช่นใด ของพวกนี้ได้รับการยอมรับหรือไม่ แต่ถ้าจะให้พูดเจาะลึกเกี่ยวกับลักษณะของเสื้อผ้าแฟชั่นลงไปอีกก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่ออกแบบมากสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยคาดหวังว่าจะต้องได้รับความนิยมและอาศัยความนิยมนี้เองเป็นตัวจุดกระแสให้มีการใส่ตามๆกันมาจนกลายเป็นกำลังซื้อขนานใหญ่นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ในวงการเสื้อผ้าแฟชั่นการทำการตลาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
 
         ลักษณะพิเศษของเสื้อผ้าแฟชั่นอย่างหนึ่งคือเป็นเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้เป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ถ้าเราคิดจะหาทางทำกำไรทางธุรกิจจากเสื้อผ้าแฟชั่นเราก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจกับการทำความเข้าใจว่ากลุ่มลูกค้าหลักของเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นกลุ่มใด ถ้าจะกล่าวไปแล้วกลุ่มลูกค้าของเสื้อผ้าแฟชั่นมีหลายกลุ่มมากโดยจะกระจายกันไปตามประเภทของแฟชั่นประเภทต่างๆ เช่นแฟชั่นสำหรับวัยรุ่นชายก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นชายอย่างนักเรียน นักศึกษา แฟชั่นสำหรับวัยทำงานหญิงกลุ่มเป้าหมายก็อาจจะเป็นสาวออฟฟิต หรือสาวโรงงานเป็นต้น ขั้นแรกของการทำการตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นคือต้องสำรวจเสียก่อนว่าสินค้าที่เรามีมุ่งเน้นตอบสนองกลุ่มลูกค้ากลุ่มใดคือเป็นแฟชั่นแบบใดนั่นเอง เมื่อกำหนดได้อย่างชัดเจนแล้วจะช่วยให้เราสามารถจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและบริการหลังการขายได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยในการคำนวณการสั่งซื้อสินค้าได้ในอนาคต
 
          เมื่อกำหนดกลุ่มลูกค้าได้แล้วขั้นตอนต่อมาในการทำการตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นคือการศึกษาตลาดและแนวโน้มของตลาดให้ดี เนื่องจากสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นสินค้าที่มีลักษณะของความต้องการในตลาดแปรผันอย่างมากด้วยกระแสความนิยมและปัจจัยผันแปรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แค่เพียงปัจจัยเล็กๆน้อยๆอาจทำให้กระแสความต้องการเสื้อผ้าแฟชั่นแบบหนึ่งๆในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือตกลงอย่างน่าใจหายโดยที่เป็นการยากที่จะคำนวณเรื่องเหล่านี้ได้ล่วงหน้า สิ่งที่พอจะทำได้คือการคาดเดาแนวโน้มของตลาดโดยการหมั่นตรวจสอบปัจจัยต่างๆที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความนิยมของแบบเสื้อผ้าแบบนั้นๆ นอกจากนี้ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นยังเป็นตลาดที่มีหลากหลายระดับตามแต่เกรดและรสนิยมของแฟชั่น รวมไปถึงยุคของแฟชั่นด้วย เนื่องจากเรื่องพวกนี้ล้วนกำหนดว่าแฟชั่นตัวนั้นมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มใด ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถ้าต้องการเดินเข้าสูวงการค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่น
 
           หลายคนเข้าใจว่าเสื้อผ้าแฟชั่นจะต้องเป็นเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียง เป็นเสื้อผ้าที่มีคนดังๆใส่ เช่นดาราไทยหรือต่างประเทศ นักร้องหรือนักกีฬาที่มีชื่อเสียง เป็นต้น ซึ่งเสื้อผ้าแบบนี้โดยมากมักมีราคาแพง และมีชื่อเสียงมาก ซึ่งเราเรียกกันว่าเสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่จริงแล้วเสื้อผ้าแฟชั่นกับเสื้อผ้าแบรนด์เนมนั้นเป็นของคนละอย่างกัน เพราะในบางครั้งเสื้อผ้าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าแบรนด์เนม และเสื้อผ้าแบรนด์เนมไม่จำเป็นต้องเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นเสมอไปขึ้นอยู่กับกระแสความนิยมของกลุ่มลูกค้าในเวลานั้นเสียมากกว่า  กล่าวโดยสรุปแล้วเสื้อผ้าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นหรือไม่ดูที่ความนิยมของผู้ใส่และกระแสการบริโภค แต่จะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรือไม่ดูที่ระดับของราคา เกรดของสินค้า และชื่อชั้นของผู้ผลิตหรือจัดจำหน่าย เสื้อผ้าทั้ง 2 แบบนี้จึงไม่ใช่ของสิ่งเดียวกันแต่อาจมีจุดร่วมกันได้ในบางครั้ง การจะเข้าสู่วงการนี้จึงต้องดูตลาดให้ดีว่าต้องการเสื้อผ้าแฟชั่นหรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมกันแน่
 
         เมื่อเราดำเนินการทำการตลาดมาโดยตลอดตั้งแต่การกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ศึกษาสภาพตลาด แน้วโน้มของตลาด และทิศทางตลาดดีแล้วขั้นต่อมาที่เราจะต้องทำคือการทำแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นของเราได้รับความนิยมมากขึ้น และได้รับส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้นด้วย โดยแผนการตลาดที่เราจะทำถ้าต้องการให้ได้ผลลัพท์สูงที่สุดเราจะต้องกำหนดแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าของเรา โดยอาจจะต้องดูรายละเอียดของกลุ่มลูกค้าหลัก ตั้งแต่เพศ วัยของลูกค้า ระดับรสนิยม สิ่งที่กลุ่มลูกค้าชอบ และไม่ชอบร่วมกัน ระดับรายได้ของลูกค้าและครอบครัวเป็นต้น เมื่อรวบรวมข้อมูลตรงนี้เรียบร้อยครบถ้วนแล้วเราก็มาคิดรายการส่งเสริมการขายเพื่อขยายโอกาสทางการขายและโอกาศทางตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องห้ามลืมว่าจะต้องวางแผนการตลาดและรายการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าจึงจะได้ผล เช่น ลูกค้าเป็นกลุ่มรายได้จำกัดก็มุ่งรายการส่งเสริมการขายประเภทโปรโมชั่นลดราคาเป็นต้น